
4 เช็กลิสต์เตรียมของใช้ลูกให้พร้อม ก่อนพาลูกเที่ยว
คำถามที่พบบ่อย
เวลาเดินทางไกลๆ ลูกจะเบื่อแล้วร้องกินขนมตลอดทางเลยค่ะ จะจัดการยังไงดีคะ?
เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเหนื่อยใจมาก ลองเตรียม "กล่องของว่างมหาสนุก" ที่มีของกินเล่นที่ดีต่อสุขภาพหลากหลายชนิด เช่น ผลไม้หั่นชิ้นเล็กๆ, ขนมปังกรอบรสจืด, หรือซีเรียลธัญพืช ใส่กล่องแบ่งช่องไว้ค่ะ การมีตัวเลือกที่หลากหลายจะช่วยให้เขารู้สึกสนุกเหมือนได้เล่นเกมเลือกของกิน และเบี่ยงเบนความสนใจจากขนมหวานได้ดีกว่าค่ะ แต่หากน้องมีพฤติกรรมร้องขอแต่ขนมหวานอย่างรุนแรงจนน่ากังวล การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินพฤติกรรมการกินโดยรวมก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ลูกไม่ยอมกินอาหารแปลกๆ เลยค่ะ จะกินแต่ข้าวไข่เจียว แบบนี้เขาจะขาดสารอาหารไหมคะ?
เป็นเรื่องปกติมากค่ะที่เด็กๆ จะยึดติดกับ "Comfort Food" หรืออาหารที่คุ้นเคยเวลาไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยค่ะ ในช่วงเวลาสั้นๆ ของการเดินทาง การที่เขายอมทานอะไรสักอย่างก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดสารอาหารในระยะสั้นนี้นะคะ เราอาจจะพกวิตามินรวมสำหรับเด็กติดไปด้วยเพื่อความสบายใจค่ะ แต่หากน้องเป็นเด็กที่เลือกกินอย่างรุนแรง (Picky Eater) อยู่แล้วเป็นปกติ การปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเด็กก่อนเดินทางก็เป็นความคิดที่ดีค่ะ
หนูจะรู้ได้อย่างไรคะว่าร้านอาหารข้างทางที่เราแวะ สะอาดและปลอดภัยพอสำหรับลูก?
เป็นความกังวลที่ถูกต้องเลยค่ะ หลักการง่ายๆ คือ "สุก ร้อน สะอาด" ค่ะ พยายามเลือกร้านที่ดูโปร่ง อากาศถ่ายเทดี และเลี่ยงอาหารที่ปรุงทิ้งไว้นานๆ ค่ะ เมนูที่ปลอดภัยที่สุดมักจะเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ เช่น ข้าวต้มร้อนๆ หรือก๋วยเตี๋ยวค่ะ และควรหลีกเลี่ยงน้ำแข็ง น้ำเปล่าจากเหยือก และผักสดที่อาจล้างไม่สะอาดค่ะ แต่หากน้องมีประวัติท้องเสียหรือแพ้อาหารได้ง่าย การเตรียมอาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็ก (เช่น อาหารซอง) ติดไปด้วยก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ และหากเกิดอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที"
เขียนและตรวจทานความถูกต้องโดย อ.ปิยวรรณ วงศ์วสุ อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาด้านอาหารและโภชนาการ
พาลูกน้อยไปเที่ยวนอกบ้าน เรื่องอาหารต้องทำอย่างไร รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาหารการกินสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี ยามออกทริป เพื่อโภชนาการที่ดีของลูกน้อยวัยเตาะแตะ
วันหยุดใกล้จะมาถึงทีไร เหล่าคุณแม่คงอยากพาลูกน้อยไปออกทริปเที่ยวกันใช่ไหมคะ แต่ไม่ว่าเจ้าตัวน้อยของคุณแม่จะอยู่ที่บ้านหรือที่ไหน เค้าก็ยังต้องได้รับอาหารที่เหมาะสมและปลอดภัยอยู่เสมอ บทความนี้เราจึงมีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัวด้านอาหารเมื่อต้องออกทริปเที่ยว สำหรับลูกน้อยวัย 1 – 3 ปีมาฝากกันค่ะ
4 เช็กลิสต์เตรียมของใช้ลูกให้พร้อมก่อนพาลูกเที่ยว
ออกทริปทั้งที เรื่องอาหารการกินต้องเตรียมอะไรบ้าง!
• อุปกรณ์การกิน เช่น ถ้วย ชาม แก้วน้ำ และช้อนส้อมขนาดเล็กสำหรับเด็ก จะได้กินดื่มได้สะดวกพอดีคำ ไม่ต้องกลัวทำเครื่องแก้วที่ไหนแตกเสียหาย แถมยังมั่นใจในความสะอาดด้วยค่ะ
• ผ้ากันเปื้อนและอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ผ้าอ้อม ทิชชู่เปียก และผ้าเช็ดทำความสะอาดอื่นๆ เพราะมีเด็กวัยนี้มักมีความอยากรู้อยากเห็น เล่นสนุกกับอาหาร จนทำหกเลอะเทอะได้ง่ายๆ
• น้ำดื่มสะอาดและกระติกน้ำ ป้องกันอาการขาดน้ำ พยายามให้ลูกดื่มน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้งหรือออกเที่ยวในวันที่อากาศร้อน
• ขนมหรืออาหารมื้อว่าง มีไว้แก้หิวระหว่างวัน ยิ่งหากเป็นทริปเดินทางไกลอย่างการนั่งรถไฟ หรือขึ้นเครื่องบินแล้ว แนะนำให้เตรียมเผื่อไว้มากๆ ป้องกันเหตุเครื่องดีเลย์แล้วลูกน้อยเกิดอารมณ์เสีย ซุกซนระหว่างนั่งรอ และจะได้มีอะไรรองท้องหากเวลารับประทานอาหารมื้อหลักต้องล่าช้าออกไปค่ะ
• นมสำหรับเด็ก เด็กวัยเตาะแตะควรดื่มนม 2 - 3 แก้วต่อวัน ดังนั้นคุณแม่จึงควรให้ลูกน้อยได้มีโอกาสดื่มนมด้วย แม้ในยามออกทริปเที่ยว
อาหารมื้อว่างยามออกเที่ยว เลือกอย่างไรให้ดีต่อลูกน้อย
หลีกเลี่ยงการให้ขนมหวานหรือขนมกรุบกรอบ เช่น ช็อคโกแลต ลูกกวาด มันฝรั่งทอด เพราะนอกจากจะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เด็กต้องการแล้ว ยังมักให้พลังงาน น้ำตาล หรือโซเดียมในปริมาณสูง อาจทำให้เด็กติดรสหวานหรือเค็มจนปฏิเสธอาหารรสจืดได้
หลีกเลี่ยงการให้ลูกน้อยกินอาหารมื้อว่างมากเกินไปเมื่อใกล้มื้ออาหารหลัก เพราะของว่างเหล่านี้ต่อให้เป็นชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ก็ยังมีคุณค่าทางโภชนาการไม่ครบถ้วนเท่ากับอาหารเต็มมื้อ จึงไม่ควรให้ลูกน้อยรู้สึกอิ่มจนไม่ยอมรับประทานอาหารมื้อหลักค่ะ
ระมัดระวังการให้อาหารที่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก รูปร่างกลม หรือแข็ง ซึ่งง่ายต่อการสำลักหรือติดคอ เนื่องจากเด็กวัยนี้อาจพยายามกลืนอาหารโดยไม่เคี้ยว ตัวอย่างอาหารที่ติดคอหรือสำลักได้ง่าย เช่น ถั่วเมล็ดเล็ก องุ่น ข้าวโพดคั่ว ลูกเกด ไส้กรอกคอกเทล ลูกอม ลูกอมชนิดเยลลี่ เป็นต้น
ตัวอย่างอาหารมื้อว่างที่ดีต่อสุขภาพและพกพาได้สะดวก
• ผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล (ปลอกเปลือกและหั่นพอดีคำ)
• ผักหั่นแท่ง เช่น แครอท แตงกวา
• โยเกิร์ตรสจืด หรือโยเกิร์ตใส่ผลไม้
• ซีเรียลอัดแท่ง ซีเรียลกับนม
• แซนด์วิช ขนมปังกรอบ (เลือกที่รสชาติหวานน้อย)
นมล่ะ! เลือกแบบไหน ถึงจะดีต่อลูกน้อย
นมอันดับหนึ่งที่เหมาะกับลูกน้อยคงหนีไม่พ้นนมแม่ ซึ่งควรให้นมแม่ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น โดยคุณแม่สามารถนำน้ำนมบรรจุใส่ขวดนมหรือถุงน้ำนมแช่ในกระติกน้ำแข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิระหว่างเดินทาง แต่หากคุณแม่ไม่มีน้ำนมปั๊มเก็บไว้แล้วหรือไม่สะดวกในการพกนมแม่ไปด้วย สามารถให้น้องดื่มนมกล่อง UHT หรือนมผงแทนค่ะ เพราะเด็กอายุ 1 ขึ้นไปสามารถดื่มกล่อง UHT ได้อย่างปลอดภัย โดยคุณแม่สามารถเลือกได้ทั้งนมวัวธรรมดา หรือ นมสูตรสำหรับเด็ก (นมสูตร 3) หากเป็นนมสูตรสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ก็จะมีการเติมวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ ที่เหมาะกับความต้องการของลูกน้อยเพิ่มเข้าไป เช่น กรดโฟลิก วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 แคลเซียม และธาตุเหล็ก ที่สำคัญต่อพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็ก ไขมันกลุ่มโอเมก้า 3,6,9 ดีเอชเอ ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ระบบประสาทและสมอง หรือจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ LPR ที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ลูกน้อยสามารถออกเผชิญโลกกว้างได้อย่างมั่นใจ
ส่วนคำถามที่ว่าใช้นมผง หรือนมกล่อง UHT ดีกว่ากันนั้น คงต้องบอกว่า หากเป็นนมสูตรเดียวกันแล้ว คุณแม่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งคู่เลยค่ะ ดังนั้น วิธีเลือกอาจจะหันมามองที่ความสะดวกมากกว่า เช่น ชงนมผงให้ลูกดื่มตอนอยู่บ้านหรือที่โรงแรม และดื่มนมกล่อง UHT แทนเมื่อออกมาเที่ยวหรืออยู่ระหว่างการเดินทางค่ะ แต่หากลูกน้อยของคุณแม่มีข้อจำกัดทำให้ต้องดื่มนมสูตรพิเศษ (เช่น แพ้นมวัว) ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมถึงสูตรนมที่รับประทานได้และให้เตรียมนมเผื่อไว้มากกว่าปกติ เพราะจุดหมายที่เดินทางไปอาจไม่มีนมชนิดนั้นๆ จำหน่ายค่ะ
ที่สำคัญควรเลือกนมรสจืดเพื่อไม่ให้ลูกน้อยติดรสหวานและได้น้ำตาลส่วนเกิน รวมถึงหลีกเลี่ยงการนำนมทางเลือก เช่น นมอัลมอนด์ นมข้าวโพด นมถั่วเหลือง (ยกเว้นสูตรสำหรับเด็กแพ้นมวัว) ให้ลูกน้อยดื่มทดแทนนมวัว เนื่องจากนมเหล่านี้มักมีแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเด็กค่ะ นอกจากนมรสจืดที่แนะนำแล้ว ยังมีนมที่มีรสหวานจากธรรมชาติ เช่น นมยูเอชทีผสมน้ำผึ้งแท้ ไม่เติมน้ำตาลทราย ซึ่งมีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และยังเป็นแหล่งช่วยเติมพลังงานระหว่างวันสำหรับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
ข้อควรรู้! เมื่อพาลูกน้อย กินข้าวนอกบ้าน
การพาลูกเข้าร้านอาหารเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อพาเค้าออกมาเที่ยว และถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งในด้านการกินและการเข้าสังคมที่ดีสำหรับเค้าค่ะ แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กังวลกับการพาลูกน้อยเข้าร้านอาหาร เรามีข้อแนะนำมาให้ดังนี้ค่ะ
• เลือกร้านที่เป็นมิตรกับเด็ก (Kid-friendly restaurants) เช่น มีเก้าอี้เสริม ชุดระบายสีให้เล่น มีเมนูอาหารเด็ก หรือเป็นร้านสำหรับครอบครัว เพราะนอกจากจะเหมาะกับเจ้าตัวน้อยแล้ว ลูกค้าท่านอื่นก็จะเข้าใจธรรมชาติของตัวร้านอาหารด้วย ต่างจากร้านประเภทอื่นที่ลูกค้าอาจคาดหวังบรรยากาศที่ไม่มีเสียงรบกวนจากเด็ก
• ไม่โฟกัสที่ “เมนูเด็ก” แต่เลือกเมนูที่ดีต่อสุขภาพ แม้บางร้านจะมีเมนูสำหรับเด็กโดยเฉพาะ แต่หลายๆ ครั้งเมนูเหล่านี้เน้นที่การมีหน้าตาน่ารักมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ (เช่น มันฝรั่งทอดรูปหน้ายิ้ม หรือ นักเก็ต) คุณแม่ไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะเมนูเด็กของทางร้าน แต่สามารถเลือกเมนูทั่วไปที่ปรุงสุก อ่อนนุ่ม และทานง่ายก็ได้ โดยเน้นเลือกเมนูที่ดีต่อสุขภาพ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ มีข้าวหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ผักหลากสี และเนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบ โดยแจ้งทางร้านว่าเป็นอาหารสำหรับเด็ก ให้ปรุงรสอ่อน ลดเกลือน้ำตาล งดผงชูรส และแจ้งวัตถุดิบที่ลูกแพ้ (ถ้ามี)
• ตักอาหารให้ลูกแต่พอดี เด็กวัย 1-3 ปี จะรับประทานอาหารน้อยกว่าผู้ใหญ่ประมาณ ½ - ¼ เท่าต่อมื้อ1 ดังนั้น หากเมนูที่สั่งเป็นขนาดปกติควรตักแยกออกมาให้เค้าทานแค่ครึ่งถึงหนึ่งส่วนสี่จาน โดยยังคงสัดส่วนของผัก เนื้อสัตว์ และข้าวให้คงเดิม เพื่อป้องกันลูกน้อยเลือกกินแต่อาหารบางกลุ่ม และยังทำให้เราทราบได้ว่าลูกน้อยรับประทานอาหารไปมากน้อยเพียงใด จากที่เค้าควรได้รับเป็นปกติ
• เป็นแบบอย่างที่ดีบนโต๊ะอาหารแก่ลูกน้อย เช่น ตัวคุณแม่เองก็เลือกสั่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่เขี่ยผักทิ้ง ไม่ทานเหลือ ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน เป็นต้น
• อนุญาตให้ลูกรับประทานของว่าง (ปริมาณน้อย) หรือเล่นระหว่างรออาหารได้ เนื่องจากธรรมชาติของเด็กวัยนี้จะซุกซนและไม่อยู่นิ่ง การให้ลูกน้อยได้ทานของว่างเล็กๆ (ที่ไม่ทำให้อิ่ม)หรือมีของให้เล่นระหว่างรออาหาร เช่น วาดรูประบายสี เล่นตุ๊กตา หรือต่อตัวต่อ จะทำให้เค้าอยู่กับที่และไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่นค่ะ
เอกสารอ้างอิง
1. อรุณรัศมี บุนนาค. (2553).อาหารวัยเตาะแตะ (1-3 ปี). สืบค้นจาก
2. Brett Hill. (2015). Table for Three: Tips for Dining Out with Toddlers. Retrieved from https://www.parents.com/toddlers-preschoolers/development/manners/tips-for-dining-out-with-toddlers/
3. Division of Nutrition, Physical Activity, and Obesity, National Center for Chronic Disease Prevention and Health Promotion. (2021). Cow’s Milk and Milk Alternatives. Retrieved from https://www.cdc.gov/nutrition/infantandtoddlernutrition/foods-and-drinks/cows-milk-and-milk-alternatives.html
4. Mary L. Gavin. (2021). Snacks for Toddlers. Retrieved from https://kidshealth.org/en/parents/toddler-snacks.html
5. Nationwide Children’s Hospital. (n.d.). Choking Hazard Safety. Retrieved from https://www.nationwidechildrens.org/family-resources-education/health-wellness-and-safety-resources/education-store/choking-hazard-safety
6. SR Nutrition. (n.d.). Eating out and about with a toddler. Retrieved from https://www.srnutrition.co.uk/2019/03/eating-out-and-about-with-a-toddler/
7. Young children and food: common questions. (2019). Young children and food: common questions. Retrieved from https://www.nhs.uk/conditions/baby/weaning-and-feeding/young-children-and-food-common-questions/