เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ค่ะ และอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย:
ความถนัดของแม่และลูก: บางทีท่าอุ้มให้นมข้างนั้นอาจจะสบายกว่า ทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย

เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่เจอบ่อยมากค่ะ โดยทั่วไปแล้ว "ไม่จำเป็นต้องปลุก" น้องที่หลับไปแล้วอย่างมีความสุขค่ะ การนอนหลับที่เพียงพอก็สำคัญไม่แพ้

อาการนี้เป็นกลไกปกติของร่างกายที่เรียกว่า "Let-down reflex" หรือ "วงจรการหลั่งน้ำนม" ค่ะ
ช่วง 2-3 นาทีแรก: คือช่วงที่ฮอร์โมนทำงานเต็มที่

ได้เลยค่ะ และเป็นเทคนิคที่ดีมาก! วิธีนี้เรียกว่า "Single Pumping while Nursing" ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง:
ประหยัดเวลา: คุณแม่สามารถทำ 2 อย่าง

คำถามนี้สำคัญมากค่ะ ให้คุณแม่สังเกตอาการเหล่านี้ให้ดีนะคะ: หากมีอาการปวดหัวรุนแรงขึ้นมาทันทีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน, ปวดหัวร่วมกับมีอาการตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน,

ลูกน้อยไม่พลาดแน่นอนค่ะ และนี่คือช่วงเวลาที่น้ำนมเหลืองของคุณแม่จะยิ่งสำคัญที่สุด! คุณแม่สามารถ "บีบน้ำนมเหลืองด้วยมือ" (Hand Expression)

เข้าใจเลยค่ะว่าไม่อยากทานยา ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูนะคะ: พักผ่อนในห้องที่เงียบและมืด, ใช้ผ้าเย็นหรือเจลแพ็คประคบบริเวณหน้าผากหรือท้ายทอย, พยายามจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

ปกติและมีประโยชน์เต็มเปี่ยมเหมือนเดิมค่ะ! สีของน้ำนมเหลืองมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน ตั้งแต่สีใส, สีเหลืองอ่อน, ไปจนถึงสีเหลืองเข้มเกือบส้ม

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่หลายคนเจอเลยค่ะ อาการปวดตุ้บๆ ที่ขมับข้างเดียวมักจะเป็นลักษณะคลาสสิกของ "ไมเกรน" ซึ่งถูกกระตุ้นได้ง่ายจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงตอนท้องค่ะ

อย่าเพิ่งรีบเสริมค่ะ! พฤติกรรมที่ลูกดูเหมือนหิวตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงเย็นหรือหัวค่ำ เรียกว่า "Cluster Feeding" ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของทารก

เป็นคำถามที่คุณแม่หลายท่านกังวลใจมากค่ะ จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน ยาพาราเซตามอลถือว่ามีความเสี่ยงต่ำเมื่อใช้ในระยะสั้นๆ และตามที่คุณหมอสั่งค่ะ แต่การใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ

เข้าใจเลยค่ะว่าทรมานมาก แต่คุณแม่ "ไม่ควร" ซื้อยามาทานเองเด็ดขาดนะคะ เพราะอาการปวดหัวอาจเป็นสัญญาณของภาวะอื่นได้ค่ะ การให้คุณหมอวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

จริงค่ะ! ความเครียดและความวิตกกังวลเป็น "ศัตรูตัวฉกาจ" ของการผลิตน้ำนมเลยค่ะ เพราะฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) จะไปขัดขวางการทำงานของ

ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นแน่นอนค่ะ การพักเต้าจากการดูดโดยตรงของลูก แล้วเปลี่ยนมาใช้เครื่องปั๊มนมแทนชั่วคราว (ประมาณ 1-2 วัน) เป็นวิธีที่ดีมาก

เป็นคำถามที่คุณแม่กังวลใจกันมากค่ะ จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน พบว่าปริมาณสารเคมีที่ผิวหนังจะดูดซึมเข้าไปนั้นมี "น้อยมาก" และไม่น่าจะส่งผลอันตรายต่อลูกน้อยค่ะ แต่เพื่อความสบายใจ

วัยทอง 3 ขวบ ลูกกรี๊ด เอาแต่ใจ บางครั้งโวยวายไม่มีเหตุผล อาการวัยทองเด็ก 3 ขวบ อันตรายกับลูกน้อยไหม คุณพ่อคุณแม่รับมืออย่างไร ไปดูวิธีรับมือวัยทองเด็ก 3 ขวบกัน

วัยทอง 2 ขวบ มักเกิดขึ้นเมื่อลูกใกล้อายุ 2 ขวบ เด็กส่วนใหญ่จะมีอาการวัยทองเด็ก บางครั้งลูกร้องไห้เอาแต่ใจและไม่ยอมเชื่อฟัง ไปดูวิธีรับมือวัยทอง 2 ขวบกัน

วัยทอง 3 ขวบ ลูกกรี๊ด เอาแต่ใจ บางครั้งโวยวายไม่มีเหตุผล อาการวัยทองเด็ก 3 ขวบ อันตรายกับลูกน้อยไหม คุณพ่อคุณแม่รับมืออย่างไร ไปดูวิธีรับมือวัยทองเด็ก 3 ขวบกัน

วัยทอง 1 ขวบ คืออะไร ลูก 1 ขวบ ร้องกรี๊ดเอาแต่ใจ เกิดจากอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร เมื่อลูกน้อยมีอาการวัยทอง 1 ขวบ เอาแต่ใจ พร้อมวิธีรีบมือ

เด็กก้าวร้าว ลูกอารมณ์ร้าย พฤติกรรมก้าวร้าวของลูกน้อยอันตรายกับเด็กไหม เด็กก้าวร้าวกับพ่อแม่ เกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกอารมณ์ร้าย

เด็กสมาธิสั้น เกิดจากสาเหตุอะไร ลูกอยู่ไม่นิ่งและซนมาก คืออาการของเด็กสมาธิสั้นหรือเปล่า คุณพ่อคุณแม่มีวิธีสังเกตอาการของลูกได้อย่างไร พร้อมวิธีรับมือ