อาหารบำรุงสมองเด็ก ให้ลูกฉลาด สมองไว เติบโตได้อย่างสมวัย

10 อาหารบำรุงสมองเด็ก ให้ลูกฉลาด สมองไว เติบโตได้อย่างสมวัย

24.04.2020

หลังจากลูกน้อยกินนมแม่มาตลอด 6 เดือน ก็ถึงเวลาทำความรู้จักกับอาหารตามวัยชนิดอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารบำรุงสมองเด็ก ที่อุดมด้วยสารอาหารจำเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาท สมอง และร่างกาย ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะในขวบปีแรกๆ ที่เซลล์ประสาทต่างๆ จะพัฒนาประสานเชื่อมโยงกันในอัตราสูงมาก

headphones

PLAYING: 10 อาหารบำรุงสมองเด็ก ให้ลูกฉลาด สมองไว เติบโตได้อย่างสมวัย

อ่าน 13 นาที

 

สรุป

  • ช่วงเวลาทองในวัย 3 ขวบปีแรก ควรใส่ใจดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน เพื่อการเจริญเติบโตอย่างสมวัย พัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงและสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา (IQ) ความจำดี อารมณ์ดี ผ่อนคลาย
  • อาหารที่เด็กควรได้รับคือ อาหารหลัก 5 หมู่ที่มีความสำคัญเป็นพื้นฐานต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาสมอง นอกจากนี้ยังควรได้รับสารอาหารที่บำรุงสมองโดยเฉพาะเพื่อให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • อาหารบำรุงสมอง พัฒนาการสมองไว ได้แก่ ปลาแซลมอน ไข่ เนย ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ถั่ว ผักสีสดนมหรือโยเกิร์ต เนื้อไม่ติดมัน

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ในช่วง 1-3 ปีแรก คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนและพอเหมาะ ช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างสมวัย พัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงและสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา (IQ) ความจำดี อารมณ์ดี ผ่อนคลาย

 

นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนสุขภาพ (สสส.) ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีบำรุงสมองเด็กว่า นอกจากจะต้องนอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้ว เด็ก ๆ ยังจำเป็นต้อง ทานอาหารบำรุงสมองเด็กที่ดีต่อสมองด้วย

 

อาหารบำรุงสมองเด็กที่สำคัญมีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว สารอาหารที่ได้จากการรับประทานอาหารหลัก 5 หมู่นั้นสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็กและพัฒนาการด้านสติปัญญา เนื่องจากในช่วงปีแรกของชีวิต การเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกายจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีข้อมูลว่า ในช่วง 2-3 ปีแรกของเด็ก ร้อยละ 50-75 ของการเผาผลาญพลังงานในร่างกายนำไปใช้เพื่อการพัฒนาสมอง

 

อาหารบำรุงสมองเด็ก จากอาหารหลัก 5 หมู่

  • คาร์โบไฮเดรต ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ฟักทอง ข้าวโพด ควรทานในช่วงเช้า เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงาน 
  • โปรตีน มีความจำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี แม่ควรเลือกให้เด็ก ๆ กินโปรตีนที่ดี อย่าง ไข่ไก่ วันละ 1-2 ฟอง เพราะในไข่แดงมีเลซิตินที่มีประโยชน์ต่อสมองมาก ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลสะสมมากจนเป็นอันตราย
  • ไขมัน เป็นแหล่งของ DHA (ดีเอชเอ) และ โอเมก้า-3 พบใน ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาช่อน น้ำมันปลา รวมถึง ไข่แดง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ น้ำมันมะกอก น้ำมันงา เป็นอาหารมีประโยชน์มาก ๆ ในการบำรุงระบบประสาทและสมอง  
  • แร่ธาตุจากพืชผัก แม่ควรให้เด็กกินผักหลากหลายสี เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อการพัฒนาสมองอย่างครบถ้วน 
  • วิตามินจากผักผลไม้ การกินผลไม้เป็นประจำอย่างน้อย 1 จานเล็ก ๆ จะช่วยบำรุงสมอง ชะลอความเสื่อมของสมอง และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้ร่างกายแข็งแรง

 

อาหารบำรุงสมองเด็ก จากอาหารหลัก 5 หมู่

 

อาหารบำรุงสมองและร่างกายตามวัย

นอกเหนือจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว การเสริมอาหารบำรุงสมองตามวัยก็มีความสำคัญ เพื่อให้ร่างกายและสมองมีพัฒนาการที่ดีในแต่ละช่วงวัย ควรรับประทานอาหารบำรุงสมอง พร้อมคำแนะนำที่มีประโยชน์ ดังนี้ 

อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 6 - 8 เดือน

  • กินนมเป็นหลักและกินอาหารตามวัยวันละ 1 มื้อ และค่อย ๆ เพิ่ม เป็น 2 มื้อช่วงเดือนที่ 8  
  • เน้นกิน ข้าว ไข่ไก่ ปลา ตับ รวมกับผักหลากสี เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
  • เหยาะน้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ลงในอาหารประมาณ ½ ช้อนชา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ช่วยละลายไขมัน และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน

 

อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 9 – 12 เดือน

  • ลูกน้อยยังคงกินนมเป็นหลัก แล้วเสริมด้วยอาหาร 3 มื้อ
  • กินอาหารครบ 5 หมู่ ต้องเป็นอาหารปรุงสุก และไม่ปรุงแต่งรสชาติ 
  • เน้นทาน ข้าว ไข่ไก่ ปลา ตับ รวมกับผักหลากสี เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
  • เหยาะน้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ลงในอาหารประมาณ ½ ช้อนชา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ช่วยละลายไขมัน และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน
  • สามารถดื่มน้ำเปล่าได้บ้างแล้ว เพื่อช่วยในการกลืนและย่อยอาหาร แต่ไม่ควรมากเกินไป

 

อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 1 – 2 ปี

  • กินอาหารได้ทุกชนิด หมุนเวียนให้ครบทั้ง 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ และทานนมเสริม 2 - 3 แก้วต่อวัน
  • เน้นอาหารบำรุงสมอง ได้แก่ เนื้อปลา โปรตีนคุณภาพ อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น มี DHA สูง ไข่ ให้วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ที่ช่วยสร้างสารสื่อประสาท ตับ แหล่งธาตุเหล็ก ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง สร้างภูมิต้านทานโรค และป้องกันภาวะโลหิตจาง 
  • กินผักและผลไม้ หลากหลายสีสัน เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูกได้ดี
  • ไม่ควรกินอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด และเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น ขาหมู หมูสามชั้น เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันในร่างกายและหลอดเลือดในอนาคต 
  • ไม่ควรกินขนม ที่มีแป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือสูง และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอด หรือขนมหวาน มากเกินไป เพื่อป้องกันภาวะผอม อ้วน และฟันผุ

 

อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 2 – 5 ปี

  • กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ เสริมด้วยนมสำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป วันละ 3 แก้ว 
  • หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารรสจัด เช่น หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด อาหารทอด ปิ้งย่าง และอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันการเกิดโรคไต ความดันสูง โรคอ้วน ได้ในอนาคต
  • เลือกกินอาหารว่างที่มีประโยชน์ และให้พลังงาน เช่น ขนมปังโฮลวีท ธัญพืชอบ เป็นต้น
  • กินโยเกิร์ต ช่วยในการพัฒนาสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยรักษาสมดุลในลำไส้ ลดปัญหาอาการท้องผูกในเด็ก
  • กินผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร์รี บลูเบอร์รี ช่วยในเรื่องของการมองเห็น ระบบประสาทและสมอง เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น

 

สารอาหารบำรุงสมองเด็ก ช่วยพัฒนาสมองลูกน้อย

การที่ลูกน้อยได้รับสารอาหารจำเป็นอย่างครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายควบคู่ไปกับสมอง คุณแม่อาจใส่ใจสารอาหารที่ช่วยบำรุงพัฒนาสมองเป็นพิเศษ ซึ่งสารอาหารบำรุงสมองเด็ก มีดังต่อไปนี้

ธาตุเหล็ก

อาหารบำรุงสมองเด็กอย่างดี เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท ช่วยในการพัฒนาสมอง เพิ่มศักยภาพในกระบวนการคิดและเรียนรู้ ธาตุเหล็กมีอยู่ใน เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ธัญพืช ผัก และผลไม้ โดยเด็กวัย 1 – 3 ปี ควรได้รับโปรตีนประมาณวันละ18 กรัมต่อวัน ส่วนเด็กอายุ 4 – 5 ปี ควรได้รับโปรตีนวันละ 22 กรัมต่อวัน หากเด็กมีอาการขาดธาตุเหล็กจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองในระยะยาว

 

โคลีน

สารอาหารสำคัญที่มีผลต่อระบบความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ เป็นหนึ่งในอาหารบำรุงสมองเด็ก เพราะทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท สื่อสารข้อมูลระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ในสมอง โคลีนพบได้ใน น้ำนมแม่ นม ตับ เนื้อไก่ ไข่แดง และจมูกข้าวสาลี และกล่าวได้ว่าน้ำนมแม่มีสารสำคัญนี้อย่างมากทีเดียว

 

สารต้านอนุมูลอิสระ

ช่วยป้องกันการเสียหายของสมองจาก อนุมูลอิสระ ต่าง ๆ ที่เกิดจาก สารพิษ อาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และ มลภาวะรอบตัว โดยแหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ พบได้ใน ผักและผลไม้สีต่าง ๆ โดยเนื้อผลไม้ที่สุกและมีสีเข้มจะมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมี เนื้อแดง ปลาทูน่า ไข่ และ ธัญพืชต่าง ๆ อย่างไรก็ดีสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิด เช่น วิตามินซีสามารถละลายน้ำหรือถูกทำลายโดยความร้อนได้ ดังนั้น จึงควรล้างผักและผลไม้ก่อนหั่น รวมถึงการใช้ความร้อนที่ไม่สูงมากในการประกอบอาหารประเภทนี้

 

ไอโอดีน

เป็นสารประกอบของไทรอยอ์ฮอร์โมน มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต และช่วยเรื่องพัฒนาการทางสมอง โดยเฉพาะเซลล์สมองของทารกตั้งแต่ในครรภ์จนถึงอายุ 2-3 ปี ไอโอดีนพบได้ในเกลือสมุทร และเกลือเสริมสารไอโอดีน หากขาดไอโอดีน จะทำให้โตช้า เฉื่อยชา และมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์

 

10 อาหารบำรุงสมอง ช่วยพัฒนาการลูกน้อย

 

10 อาหารบำรุงสมอง ช่วยพัฒนาการลูกน้อย

อาหารหลายชนิดที่หาได้ง่าย มีสารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความฉลาดและความจำให้ดียิ่งขึ้นไปตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย อาหารบำรุงสมองที่ดี มีดังนี้ 

1.ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนเป็นปลาแม่น้ำที่เป็นที่นิยมและหาได้ง่าย อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นต่อสมอง โดยเป็นแหล่งโอเมก้า-3 กรดไขมัน EPA และ DHA (ดีเอชเอ)สูง สารอาหารสำคัญนี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและพัฒนาสมองของลูกน้อย โดยเสริมสร้างผนังเซลล์ประสาทในสมองให้แข็งแรง ช่วยเรื่องความจำให้ดีขึ้น นอกจากนี้โอเมก้า-3 ยังช่วยลดโอกาสสมาธิสั้นในเด็กได้อีกด้วย

 

2.ไข่

ไข่ อาหารหาง่ายที่เป็นแหล่งสำคัญของโปรตีนชั้นดี มีส่วนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย แต่นอกจากโปรตีนแล้วนั้น ไข่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อีกมากมาย หนึ่งในอาหารตามวัยให้ลูกน้อยฉลาด ทั้งโคลีน ที่ช่วยในการพัฒนาและบำรุงสมองในส่วนของความทรงจำ ซึ่งในไข่ไก่ 1 ฟองจะมีโคลีนมากถึง 20% นอกจากนี้ ไข่นั้นยังเป็นแหล่งของสารอาหารสมองอันสำคัญอย่าง สฟิงโกไมอีลิน อีกด้วย

 

3.เนย

อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและเพิ่มความจำให้กับเด็ก โดยมีสารเลซิติน และวิตามินอีที่มีศักยภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องระบบประสาท ช่วยในการบำรุงสมองและเพิ่มความจำได้

 

4.ธัญพืช

ธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดงา มีโปรตีนสูง มีไขมันดี และวิตามินเอสูง ขณะเดียวกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มสารอาหารกระตุ้นสมองอย่าง แมกนีเซียม ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี มีวิตามินบี ที่มีส่วนช่วยในความจำ บำรุงสมองของเด็ก รวมทั้งยังมีโอเมก้าสูง และใยอาหารสูง จึงเหมาะเป็นอาหารเช้า เพื่อเพิ่มพลังและบำรุงสมองและร่างกายไปพร้อมกัน

 

5.ข้าวโอ๊ต

แหล่งรวมใยอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินอี วิตามินบี โพแทสเซียม และสังกะสี เพิ่มพลังงานให้ร่างกายไปพร้อมกับบำรุงสมอง และระบบประสาท หากลูกน้อยได้รับประทานข้าวโอ๊ตเป็นประจำจะยิ่งกระตุ้นการทำงานของสมอง โดยในข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์สูงทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้ร่างกายใช้เชื้อเพลิงเพื่อเผาผลาญอาหารไปยังสมองมากขึ้น

 

6.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ได้แก่ ได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี เชอร์รี่ เป็นอาหารกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิด ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความทรงจำ ป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น นอกจากนี้ยังอุดมด้วยวิตามินซี และโอเมก้า 3 เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น

  

7.ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้ร่างกาย และช่วยเสริมความจำ บำรุงสมอง โดยเฉพาะถั่วลิสงอุดมไปด้วยวิตามินบี3 หรือไนอะซินสูงมาก ซึ่งสารอาหารชนิดนี้มีความสำคัญต่อการบำรุงสมอง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่ช่วยในการบำรุงสายตาและสมอง ช่วยบำรุงให้ลูกน้อยแข็งแรงทั้งสมองและร่างกาย

 

8.ผักสีสด

ผักสีสด เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง แครอท ปวยเล้ง เป็นต้น อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินต่าง ๆ รวมถึงแร่ธาตุที่มีประโยชน์จำนวนมาก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์สมองของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี พร้อมพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันโรคอีกด้วย

 

9.นมหรือโยเกิร์ต

นมอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก เช่น โปรตีน แคลเซียม รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมองและเอนไซม์ ที่สำคัญ ในนมและผลิตภัณฑ์จากนมอย่างเช่น ชีส โยเกิร์ต ยังเป็นแหล่งของสฟิงโกไมอีลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญ ในการพัฒนาสมองโดยช่วยสร้างไมอีลิน ปลอกหุ้มประสาทที่ช่วยให้สมองของลูกส่งกระแสสัญญาณประสาทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสารอาหารในโยเกิร์ตยังช่วยให้การส่งและรับข้อมูลของเซลล์สมองทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

10.เนื้อไม่ติดมัน

เนื้อสัตว์ไม่ติดมันอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่างๆ ของร่างกาย และในเนื้อสัตว์อย่างเช่น เนื้อวัว หรือ เนื้อหมูที่ไม่ติดมันนั้น จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกมีสมาธิจดจ่อต่อการเรียนได้ดี มีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยพัฒนาความจำของลูกน้อยเช่นกัน

 

การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พร้อมเสริมอาหารบำรุงสมอง จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการตามวัยที่ดี มีสมองไว ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ลูกน้อยควรได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีร่างกายแข็งแรง ส่งผลให้สมองมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ พร้อมเจริญเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ

 

บทความแนะนำสำหรับพัฒนาการลูกน้อย

 

 

อ้างอิง

  • การเสริมสร้างสมองที่ดีกว่า ขยายขอบเขตของความรู้ใหม่เพื่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย, Unicef Thailand
  • สารไอโอดีนช่วยสมองเจริญเติบโตเต็มที่, โรงพยาบาลราชวิถี
  • ฟิตสมองให้เฟรช! รวม 5 อาหารบำรุงสมอง, nautilus
  • รู้หรือไม่? กินไข่ทุกวัน ดีต่อสุขภาพ
  • สุดยอดอาหารบำรุงสมอง, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  • บทที่ 4 อาหารและโภชนาการสำหรับบุคคลในวัยต่างๆ, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 
  • แนะนำอาหารบำรุงสมองสำหรับลูกน้อย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
  • ประโยชน์ของโอเมก้า 3 ในเด็ก สารอาหารจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดี, POPPAD.com

อ้างอิง ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566

บทความแนะนำ

ส่งเสริมพัฒนาการตามวัย 1-4 ปีแรก พร้อมวิธีกระตุ้นพัฒนาการ

ส่งเสริมพัฒนาการตามวัย 1-4 ปีแรก พร้อมวิธีกระตุ้นพัฒนาการ

ส่งเสริมพัฒนาการตามวัยของลูกน้อย 1-4 ปีแรก ด้วยวิธีกระตุ้นพัฒนาการทางด้านร่างกาย เสริมทักษะด้วยการเล่นของเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการตามวัยเพิ่มการเรียนรู้ให้ลูกน้อย

นมกล่องเด็ก UHT เลือกนม UHT สำหรับเด็ก แบบไหนมีสารอาหารสำคัญ

นมกล่องเด็ก UHT เลือกนม UHT สำหรับเด็ก แบบไหนมีสารอาหารสำคัญ

นมกล่องเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป ควรมีสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยให้ลูกน้อย มีพัฒนาการทางสมองที่ดี ไปดูข้อมูลนมกล่องเด็กสำหรับลูกกัน

โภชนาการลูกวัย 1-2 ขวบ ลูกวัยนี้ต้องอาหารอะไรนะ

โภชนาการลูกวัย 1-2 ขวบ ลูกวัยนี้ต้องอาหารอะไรนะ

เมื่อลูกเข้าสู่วัย 1 ขวบเป็นต้นไปแล้ว ถือว่าลูกได้เข้าสู่ช่วงวัยเตาะแตะอย่างเต็มตัว โภชนาการของลูกในวัยนี้สำคัญมาก เพราะลูกต้องการสารอาหารต่าง ๆ เพื่อการเจริญเติบโตและเสริมพัฒนาการในด้านต่าง ๆ และคุณพ่อคุณแม่ควรคำนึง

 โภชนาการลูก วัย 2 - 3 ขวบ

โภชนาการลูก วัย 2 - 3 ขวบ เด็กวัยนี้ต้องกินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง

หนึ่งในหลายปัญหาที่พ่อแม่ต้องเผชิญเมื่อลูกรักเข้าสู่วัย 2 – 3 ปี คือ ปัญหาด้านโภชนาการ เด็กวัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงค่อนข้างเลือกกิน และกินยาก ทำเอาพ่อแม่ต่างเป็นกังวลว่า ลูกจะกลายเป็นเด็กตัวเล็ก รูปร่างแคระแกร็น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญาด้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน