อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ คุณแม่ท้อง 5 สัปดาห์ เกิดอะไรขึ้นบ้าง

อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ คุณแม่ท้อง 5 สัปดาห์ เกิดอะไรขึ้นบ้าง

04.03.2020

อายุครรภ์ 5 สัปดาห์อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ที่เปราะบาง ทารกในครรภ์เริ่มที่จะพัฒนาอวัยวะสำคัญภายนอกขึ้นมา เช่น ดวงตา และแขน ขาทั้งสองข้าง ไม่แนะนำให้คุณแม่รับประทานวิตามินหรือยาบำรุงครรภ์ นอกเหนือจากแพทย์สั่งให้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวของทารกในครรภ์ ในช่วงอายุครรภ์นี้คุณแม่ควรดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองให้ดี พยายามอย่าเครียด และระมัดระวังการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนกับทารกในครรภ์

headphones

PLAYING: อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ คุณแม่ท้อง 5 สัปดาห์ เกิดอะไรขึ้นบ้าง

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ อยู่ในการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เทียบเท่ากับต้นสัปดาห์ของเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์
  • อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ ตัวอ่อนจะมีขนาด 2.5 เซนติเมตร และมีน้ำหนักตัวแค่ 9-10 กรัม เทียบได้กับเมล็ดแห้งพริกไทยดำ
  • อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ จะเริ่มพัฒนาขึ้นของอวัยวะสำคัญทั้งภายในและภายนอก เช่น หัวใจ สมอง ระบบประสาทส่วนกลาง ไขสันหลัง ดวงตา แขน ขาทั้งสองข้าง ฯลฯ

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

รกและน้ำคร่ำสองสิ่งที่จำเป็นต้องมีไปตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน ซึ่งหน้าที่สำคัญของรกและน้ำคร่ำที่มีรอบตัวทารกตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ดังนี้

  1. รก (Placental) จะอยู่ติดกับมดลูกของคุณแม่ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาให้ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโต รกจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างสายสะดือของทารกกับมดลูกคุณแม่ ในการลำเลียงเลือด ออกซิเจน และสารอาหารจากคุณแม่ส่งต่อมาให้ยังทารกในครรภ์
  2. น้ำคร่ำ (Amniotic fluid) คือพื้นที่สำหรับทารกใช้ในการเคลื่อนไหวพลิกขยับร่างกาย ช่วยพัฒนาให้ปอดแข็งแรงทารกหายใจได้ดี ช่วยปกป้องทารกในครรภ์ไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนได้รับอันตรายจากด้านนอกครรภ์

 

อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ เท่ากับกี่เดือน

การเทียบอายุครรภ์สัปดาห์ เพื่อให้ทราบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีอายุครรภ์ได้กี่เดือนแล้วนั้น ในทางการแพทย์จะแบ่งการตั้งครรภ์ใน 1 รอบการตั้งครรภ์ออกเป็นทั้งหมด 3 ไตรมาสดังนี้

  • อายุครรภ์ 1 ถึง 13 สัปดาห์ เป็นการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เท่ากับการตั้งครรภ์ระหว่าง 1–3 เดือน
  • อายุครรภ์ 14 ถึง 17 สัปดาห์ เป็นการตั้งครรภ์ไตรมาส 2 เท่ากับการตั้งครรภ์ระหว่าง 3–6 เดือน
  • อายุครรภ์ 28 ถึง 42 สัปดาห์ เป็นการตั้งครรภ์ไตรมาส 3 เท่ากับการตั้งครรภ์ระหว่าง 6–9 เดือน

 

อาการคนท้อง 5 สัปดาห์ ที่พบได้ทั่วไป

  • แพ้ท้อง เป็นอาการที่พบได้ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องจะรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม อยากอาเจียน มีอาการเหม็นกลิ่นอาหารและกลิ่นต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เป็นต้น
  • ปัสสาวะบ่อย ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากมดลูกมีการเคลื่อนตัวสูงขึ้น จึงไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เมื่อตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่จะทำงานหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจจะทำงานหนักเพิ่มขึ้น50% รวมถึงเม็ดเลือดแดงที่มีการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกายเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้คุณแม่ท้องรู้สึกอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่ายมาก
  • ปวดท้องน้อย คุณแม่มีอาการปวดหน่วงตรงบริเวณท้องน้อยเบาๆ นานๆ ครั้ง คือไม่เกิน 5 ครั้ง/วัน ถือเป็นภาวะปกติที่พบได้ระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากมดลูกมีการเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย แต่หากในหนึ่งวันคุณแม่มีอาการปวดหน่วงตรงท้องน้อยถี่ๆ เกิน 10 ครั้ง ควรไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด เป็นอาการที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์โดยที่ไม่มีสาเหตุ นั่นเป็นเพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายของคุณแม่ท้อง
  • คัดและเจ็บเต้านม ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่จะรู้สึกว่าคัดและเจ็บเต้านม นั่นเป็นเพราะว่าไขมันและต่อมน้ำนมมีการเจริญเติบโตขึ้น จนทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณเต้านมเกิดการขยายใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เจ็บหัวนมและหัวนมไวต่อสิ่งสัมผัส

 

ท้อง 5 สัปดาห์ ท้องจะใหญ่ขึ้นแค่ไหน

ขนาดครรภ์ในอายุครรภ์ 5 สัปดาห์ ยังไม่ใหญ่เพิ่มขึ้นจนสังเกตเห็นได้ว่ากำลังตั้งครรภ์ ปกติแล้วในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก หากคุณแม่ไม่ได้มีอาการแพ้ท้องและสามารถรับประทานอาหารได้เป็นปกติ เกณฑ์น้ำหนักของคนท้องในช่วง 1-3 เดือนแรกควรจะเพิ่มขึ้น 1-2 กิโลกรัม

 

ท้อง 5 สัปดาห์ ลูกในครรภ์จะตัวใหญ่แค่ไหน

ทารกในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์มีขนาดเล็กจิ๋วมาก เปรียบเสมือนเมล็ดแห้งพริกไทยดำ (9) หรือประมาณ 2.5 เซนติเมตร ในช่วงนี้ทารกในครรภ์ยังเป็นตัวอ่อน ซึ่งมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 9-10 กรัมเท่านั้น

 

พัฒนาการของทารกในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์

  • เริ่มมีการสร้าง แขน ขา และดวงตา
  • เริ่มมีการพัฒนาขึ้นของระบบประสาทส่วนกลาง และไขสันหลัง
  • หัวใจมีการเต้นชัดเจน

 

การดูแลตัวเอง สำหรับคุณแม่ท้อง 5 สัปดาห์

เพื่อให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการสมบูรณ์และแข็งแรงไปตลอดอายุครรภ์จนถึงคลอด การดูแลบำรุงร่างกายของคุณแม่ในช่วงอายุครรภ์ 5 สัปดาห์ จึงมีความสำคัญอย่างมาก

1. ทานวิตามินเสริมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

โดยปกติร่างกายของคุณแม่จะได้รับวิตามินต่างๆ จากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งวิตามินที่ได้จากอาหารมีความจำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และสำหรับทารกในครรภ์วิตามินยังมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรงด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ในบางกรณีที่คุณแม่อาจจะได้รับวิตามินเสริมตามคำแนะนำของแพทย์ที่คุณแม่ฝากครรภ์ คุณแม่ควรรับประทานวิตามินที่แพทย์จัดให้เท่านั้น ไม่แนะนำให้ซื้อวิตามินมารับประทานเสริมเองโดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อนโดยเด็ดขาด

 

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้คุณแม่ท้องนอนหลับได้ง่ายสบายขึ้น แนะนำให้ทำสมาธิก่อนเข้านอน จะช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลง

 

3. ระหว่างวันควรดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น

การดื่มน้ำอย่างเพียงพอขณะตั้งครรภ์จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ช่วยป้องกันการเกิดอาการท้องผูกในคนท้อง และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์

 

4. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเพียงพอและเหมาะสม ได้แก่ อาหารกลุ่มโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งอาหารที่มีประโยชน์ที่คุณแม่ควรบริโภค เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ ผักใบเขียว ผลไม้ ปลาตัวเล็กรับประทานได้ทั้งตัว

 

5. โฟเลต หรือ โฟลิก (Folic Acid)

มีความสำคัญกับทั้งคุณแม่และลูกน้อยในช่วงอายุครรภ์ไตรมาสแรกอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังพัฒนาสร้างอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โฟลิกที่คุณแม่รับประทานจะถูกส่งต่อไปยังทารกในครรภ์

  1. ช่วยในกระบวนการการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับทารก
  2. ช่วยสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย
  3. ช่วยสร้างเซลล์ประสาทและสมองของทารกให้มีความสมบูรณ์ ลดความเสี่ยงการเกิดความพิการของทารกตั้งแต่ในครรภ์
  4. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของคุณแม่มีการสร้างน้ำนมไว้สำหรับทารกหลังคลอด

 

ซึ่งปริมาณโฟลิกที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับต่อวันคือ 800 ไมโครกรัม สำหรับแหล่งอาหารที่มีโฟลิก ได้แก่ ผักใบเขียว บรอกโคลี ตับ และไข่แดง ฯลฯ รวมถึงได้รับตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ร่างกายได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป

 

คุณแม่บางคนอาจท้องไม่รู้ตัว แต่เมื่อคุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว แนะนำให้ไปพบแพทย์และฝากครรภ์ทันที การฝากครรภ์เร็วสามารถช่วยให้คุณแม่และลูกในครรภ์ปลอดภัย ตลอดอายุครรภ์ 9 เดือน ที่สำคัญควรรับประทานอาหารสำหรับคนท้อง เพื่อประโยชน์สุขภาพและพัฒนาการที่สมบูรณ์ของทารกในครรภ์

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์, โรงพยาบาลแมคคอร์มิค
  2. ความผิดปกติของรก (Placental Abnormalities), สูติศาสตร์ล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  3. รกและฮอร์โมนจากรก (Placental), สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล
  4. น้ำคร่ำ (Amniotic fluid), สูติศาสตร์ล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  5. วิธีนับอายุครรภ์ นับอย่างไรให้แม่นยำ, POBPAD
  6. เมื่อเริ่มตั้งครรภ์...อะไรในร่างกายคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง, โรงพยาบาลพญาไท
  7. คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาส 1-3, โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ
  8. คุณแม่ตั้งครรภ์กับความเสี่ยงในไตรมาสแรก, โรงพยาบาลสมิติเวช
  9. ขนาดทารกในครรภ์ ในช่วงสัปดาห์ต่าง ๆ เปรียบเทียบกับขนาดผักและผลไม้, hellokhunmor
  10. โฟเลตกับชีวิต (Folic acid), สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
  11. กรดโฟลิก…ทำไมจึงจำเป็นกับคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพญาไท
  12. สังเกตอาการคุณแม่ท้อง 2 เดือน และการดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์, POBPAD
  13. ภาวะปัสสาวะบ่อย, โรงพยาบาล MedPark
  14. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียขณะตั้งครรภ์...ควรทำอย่างไร?, โรงพยาบาลพญาไท
  15. อาการระหว่างตั้งครรภ์ เรื่องสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้, โรงพยาบาลพญาไท
  16. อาการคนท้องเดือนแรก สัญญาณเริ่มต้นว่ากำลังตั้งครรภ์, โรงพยาบาลศิครินทร์
  17. อาการคนท้อง ระยะแรก ยืนยันว่าคุณตั้งครรภ์แล้วแน่ๆ, สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
  18. พัฒนาการของทารกในครรภ์ตลอด 9 เดือน เป็นอย่างไรบ้างนะ, โรงพยาบาลพญาไท
  19. เคล็ดลับการนอนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพญาไท

อ้างอิง ณ วันที่ 7 มีนาคม 2567

บทความแนะนำ

วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ให้คุณแม่ฟิตหุ่นสวยหลังคลอดได้ด้วยตัวเอง

วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ให้คุณแม่ฟิตหุ่นสวยหลังคลอดได้ด้วยตัวเอง

รวมวิธีลดน้ำหนักหลังคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ คุณแม่หลังคลอดอยากกลับมาหุ่นสวยฟิตเหมือนเดิม ทำยังไงได้บ้าง ไปดูวิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ที่คุณแม่ทำได้ที่บ้านกัน

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐดีไหม แพงหรือเปล่า แล้วคุณแม่ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐดีไหม แพงหรือเปล่า แล้วคุณแม่ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐราคาเท่าไหร่ ผ่าคลอดใช้สิทธิบัตรทองได้ไหม มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการคลอดที่คุณแม่เตรียมคลอดธรรมชาติและผ่าคลอดอยากรู้

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คุณแม่ท้องกินโกโก้ส่งผลอะไรกับลูกในท้องบ้าง

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คุณแม่ท้องกินโกโก้ส่งผลอะไรกับลูกในท้องบ้าง

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม กินโกโก้แล้วอันตรายกับลูกในครรภ์หรือเปล่า โดยเฉพาะคุณแม่ที่ชอบกินน้ำหวาน น้ำชง คนท้องกินโกโก้ได้ไหม ควรกินวันละกี่แก้ว ปริมาณเท่าไหร่ ไปดูกัน

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน ช่วยบำรุงครรภ์ให้แข็งแรง คุณแม่ทำตามได้

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน ช่วยบำรุงครรภ์ให้แข็งแรง คุณแม่ทำตามได้

รวมเมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน เมนูสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง เมนูอาหารสําหรับคนท้อง 1-3 เดือน ทำเองได้เลยที่บ้าน